www.patsiri.com

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

แสวงภัทรศิริ หลงศิริ: Patsiri.com เว็บเพื่อสุขภาพของคุณ Pinkherbal หน้าแ...

แสวงภัทรศิริ หลงศิริ: Patsiri.com เว็บเพื่อสุขภาพของคุณ Pinkherbal หน้าแ...: "Patsiri.com เว็บเพื่อสุขภาพของคุณ Pinkherbal หน้าแรก ดอกบัวมหัสจรรย์ วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดียเมื่อเวลาเช้าของวันอาทิตย์ที่ ๓ กันยายน พ.ศ...."
ดอกบัวมหัสจรรย์ วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดียเมื่อเวลาเช้าของวันอาทิตย์ที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้เกิดมหัศจรรย์อันเป็นประวัติศาสตร์ของโลกในยุคนี้ขึ้น คือ ดอกบัวหนึ่งก้าน แตกดอกออกเป็น ๓ ดอก มีใบ ๙ ใบ (ก้านแรกมี ๑ ดอก ก้านที่ ๒ มี ๓ ดอก และก้านที่ ๓ กำลังตูมๆ ซึ่งกำลังโผล่จากน้ำ ยังไม่ทราบว่าจะมีกี่ดอก/ ๕ กันยายน ๒๕๔๙) ในกระถางปลูกดอกบัว อยู่บริเวณด้านหน้าห้อง (กุฏิอาคาร ๑ ห้อง ๑๐๑) ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล, ป.ธ.๙, Ph.D.) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา-อินเดีย (รูปที่ ๓) หัวหน้าพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ประเทศอินเดีย เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก...!!! พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เล่าว่า ตั้งแต่มาอยู่ประเทศอินเดีย ๔๖ ปี ทำหน้าที่เป็นผู้นำชาวพุทธบริษัทจาริกแสวงบุญ (ไกด์) กราบไหว้สักการะสังเวชนียสถาน ทั้ง ๔ ตำบล ณ ประเทศอินเดีย เป็นเวลากว่า ๔๐ ปี มีแต่เล่าเรื่องจากตำรา (พระไตรปิฎก) ว่า ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ นั้น เมื่อครั้น อาภัสสรพรหม ลงมายังพื้นโลก และได้ชิมลิ้มรสง้วนดินภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ ได้เห็นดอกบัว ๑ ก้าน มี ๕ ดอก ซึ่งเป็นนิมิตรหมายว่า ในภัทรกัปป์นี้จะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติในโลกนี้ ๕ พระองค์ คือ (๑) พระกกุสันโธ (๒) พระโกนาคมโน (๓) พระกัสสโป (๔) พระโคตโม และ (๕) พระศรีอริยเมตตรัยโย มีแต่เล่าเรื่อง ดอกบัว ๑ ก้าน มี ๕ ดอก ให้ผู้จาริกแสวงบุญฟัง... แต่ก็ไม่เคยเห็นดอกบัวจริงๆ เลย บัดนี้...หมดคำถามและข้อสงสัยแล้วว่า...ไม่น่าเป็นไปได้ดังคำถามของผู้จาริกแสวงบุญบางท่านถาม ซึ่งหลวงพ่อฯ ก็ตอบได้แต่เพียงว่า...ตำรา...กล่าวไว้อย่างนี้ วันนี้หลวงพ่อฯ และคณะสงฆ์วัดไทยพุทธคยา วัดไทยในเขตโพธิคยา พร้อมด้วยพุทธบริษัทผู้มาปฏิบัติธรรม ระหว่างพรรษา ๒๕๔๙ ได้เห็นดอกบัวของจริงแล้วว่าเป็นอย่างไร? ท่านใด...มีความสงสัย หรือ สนใจอย่างไร สามารถเดินทางไปดูได้ที่วัดไทยพุทธคยา-อินเดีย หรือจะพิจารณาดูภาพที่โพสท์ขึ้นบนเว็บไซด้นี้ เพื่อเป็นบุญตาที่เห็นและจิตที่เป็นมหากุศลก็ได้ (ภาพทั้งหลายเหล่านี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ท่านสามารถดาวน์โหลดและนำไปอัดขยายบูชาได้ ... แต่ห้ามนำไปทำเป็นธุรกิจค้าขาย) ภาพโดย...พระครูธรรมธร ดร.แอ๊ว สุธมฺมปาโล ประวัติศาสตร์เรื่องดอกบัวมหัศจรรย์พระมหาประภาศ โรจนธมฺโม : พิมพ์/ตรวจทาน (๑) แต่นี้ไปจักกล่าวด้วยเรื่องตั้งภัททกัลป์ เป็นกาลอันบังเกิดแห่งพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ มีพระกกุสนธ์เป็นต้น และมีพระศรีอริยเมตตไตย์เป็นที่สุด ในพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์นี้ นักปราชญ์ผู้ประกอบไปด้วยคัมภีรปัญญา จึงกดหมายว่า ตั้งแต่ไฟไหม้กัลป์ก่อนกัลป์นี้ไป ตั้งแต่ชั้นอาภัสสราลงมาภายต่ำว่างเปล่าเป็นอากาศอยู่หาที่สุดมิได้ แล้วก็มีมหาเมฆตั้งขึ้น ฝนก็ตกลงมาเพื่อจักให้บริบูรณ์นี้ไซร้ ตกลงมาทีแรกเป็นเม็ดละเอียดประดุจน้ำค้าง แล้วโตขึ้นๆ เท่าปลายข้าวเท่าเม็ดข้าวสาร และเม็ดถั่วเขียว เท่าลูกพุทราและมะขามป้อม และโตเท่าลูกน้ำเต้าและลูกฟักเขียว ทวีขึ้นไปทุกทีๆ โตถึงครึ่งโยชน์และสองโยชน์ ตลอดถึงพันโยชน์ ตกเต็มทั่วไปในแสนโกฏิจักรวาล ตามเขตที่ไฟไหม้นั้น น้ำก็ท่วมขึ้นไปถึงชั้นอาภัสสราโพ้น ฝนนั้นจึงหาย ส่วนใต้น้ำนั้นลมพัดดันไว้ทางด้านขวาง ครั้นลมหายแล้วน้ำก็เป็นแท่งประดุจดังเอาใบบัวห่อน้ำไว้ ฉะนั้น เมื่อลมกระทำให้เป็นก้อนเป็นแท่งแล้วก็แตกลงโดยลำดับกัน ถึงที่พรหมอยู่เมื่อก่อนก็บังเกิดเป็นภูมิขึ้น เพื่อให้เป็นที่เกิดแห่งพรหมทั้งหลายที่เกิดมาภายหลัง เป็นชั้นๆ ลงมาถึงชั้นกามาวจรภูมิ แต่ก่อนนั้นลมมีกำลังยิ่งนัก พัดน้ำให้แขวนอยู่เหมือนดังปิดปากธรรมกรกนั้นแล ผิว่าน้ำภายบนนั้นเกิดเป็นรสหวานแล้วก็แห้งเกิดเป็นแผ่นดินลอยอยู่ภายบนน้ำ ประดุจดังดอกบัวอันลอยอยู่เหนือผิวน้ำ จึงได้เรียกว่าแผ่นดินและแผ่นดินนั้นมีวรรณะและมีรสหอมยิ่งนัก เป็นแผ่นประดุจดังน้ำข้าวต้มอันอยู่ภายบนฉะนั้น ในที่ประดิษฐานแห่งไม้มหาโพธิแต่ก่อนนั้น ครั้นมาถึงกาลสมัยที่ไฟไหม้ล้างกัลป์นี้ ในที่นั้นก็ฉิบหายภายหลังที่สุด เมื่อจะตั้งกัลป์ก็ตั้งขึ้น ณ ที่นั้นก่อนไซร้ ในที่นี่จักกล่าวด้วยนิมิตอันพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักมาบังเกิดและบ่มิได้มาบังเกิดในกัลป์ทั้งหลาย ให้พึงรู้ดังนี้ว่า ยังมีกอบัวกอหนึ่งบังเกิดขึ้นในที่โพธิบัลลังก์ แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีเที่ยงแท้ ผิว่าพระพุทธเจ้าบ่มิได้มาบังเกิดในกัลป์ในกัลป์นั้น กอบัวกอนั้นก็หาดอกบ่มิได้ ผิว่าพระพุทธเจ้าจักมาบังเกิดในกัลป์นั้น พระองค์หนึ่งหรือสอง สาม สี่ ห้า พระองค์ก็ดี บัวกอนั้น ก็มีดอกๆ หนึ่งหรือสอง สาม สี่ ห้า ดอกตามพระพุทธเจ้า ที่จะลงมาบังเกิดน้อยและมาก อันนี้เป็นธรรมดา และในกัลป์หนึ่งจะมากกว่า ๕ พระองค์ไป ก็ยังไม่ปรากฏ ดอกบัวนั้นแม้ว่าจะมีดอกหนึ่ง หรือสอง สาม สี่ ห้า ดอกก็ตาม ย่อมมีก้านๆ เดียวเท่านั้น จะมีหลายก้านอย่างดอกบัวธรรมดานี้หามิได้แล เหตุว่าพรหมทั้งหลายที่อยู่ในชั้นสุทธาวาสโน้น เขาเจรจากันว่า ดูราชาวเราทั้งหลาย ในกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดกี่พระองค์ หรือว่าไม่มีมาบังเกิด แม้แต่พระองค์เดียวประการใด มาเราทั้งหลายจงพากันลงไปดูนิมิตแห่งดอกปทุมนั้นก่อน ว่าแล้วก็พากันลงมาสู่ที่อันพระพุทธเจ้าทั้งหลายจักได้มาตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ถ้าในกัลป์ใดไม่มีพระพุทธเจ้าลงมาบังเกิด ก็เห็นแต่กอบัวเปล่ามิได้เห็นดอกบัว เมื่อเป็นเช่นนั้นพรหมทั้งหลายก็บังเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก จึงเจรจากันว่า ดูราชาวเราทั้งหลาย มนุษยโลกทั้งหลายอันมาเกิดในกัลป์นี้ จักมืดมัวหลงจากการทำบุญให้ทาน อันเป็นคลองแหงพระนิพพาน ครั้นว่าจุติจากชาติอันเป็นมนุษย์นี้แล้ว ก็จักไปจมอยู่ในจตุราบาย ส่วนพรหมโลกนั้นเล่า ก็จักเปล่าเสียจากพรหมทั้งหลาย เมื่อพรหมทั้งหลายมีความน้อยเนื้อต่ำใจฉะนี้ แล้วก็ชวนกันไปสู่ที่อยู่แห่งตนๆ ถ้าในกัลป์ใดเขาเห็นบัวกอนั้นมีดอกหนึ่ง หรือสองดอก พรหมทั้งหลายก็บังเกิดความโสมนัสยิ่งนัก จึงกล่าวด้วยความยินดีซึ่งกันและกันว่า ดูราชาวเราทั้งหลาย ในกัลป์นี้มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดชาวเราทั้งหลายจักได้เห็นพระปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า ในขณะเมื่อพระองค์มาถือเอาปฏิสนธิ ๑ เมื่อประสูติ ๑ เมื่อออกบวช ๑ เมื่อตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ๑ เมื่อเทศนาธรรมจักร ๑ เมื่อทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ ๑ เมื่อเสด็จลงจากดาวดึงส์ ๑ ปลงสังขารเมื่อจะสิ้นพระชนมายุ ๑ และในขณะเมื่อปรินิพพาน ๑ อบายทั้ง ๔ จักเปล่าเสีย ฉกามาพจรและพรหมพิมพ์patsirisawaeng longsiri www.patsiri.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น